Jack Rodwell SunderlandGetty

เกิดอะไรขึ้นกับ แจ็ค ร็อดเวลล์? จากความหวังทีมชาติอังกฤษ สู่นักเตะที่ไม่มีใครเอา

ในเดือนพฤศจิกายน 2011 แจ็ค ร็อดเวลล์ ประเดิมสนามนัดแรกให้ทีมชาติอังกฤษ ในเกมกระชับมิตรที่ชนะสเปน 1-0 ผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ขยับขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ได้ พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจากดาวรุ่งของเอฟเวอร์ตัน สู่ความหวังของวงการฟุตบอล

จากนั้นเพียงไม่ถึงปี นับจากวันที่เขาติดทีมชาติครั้งแรก ร็อดเวลล์ย้ายไปอยู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ เป็นการย้ายทีมที่ใครๆ ต่างก็คาดหวังถึงอนาคตที่สดใสของเขา

นับจากนั้น 7 ปี ร็อดเวลล์กลายเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยความล้มเหลว ถึงขั้นกลายเป็นการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของทีมซันเดอร์แลนด์ รวมถึงการทดสอบฝีเท้าที่ไม่ประสบความสำเร็จในอเมริกา และการโดนโรมาปฏิเสธสัญญา รวมถึงถูกเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ปล่อยตัว ทั้งที่ไม่ได้ลงเล่นเลยในฤดูกาล 2020-21

อ่านบทความต่อด้านล่าง
Jack Rodwell - Sheffield United 2020Getty

ร็อดเวลล์เติบโตขึ้นมาจากระบบเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน สโมสรที่เขาเชียร์มาตั้งแต่ยังเด็ก และกลายเป็นนักเตะท็อฟฟี่สีน้ำเงินที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในรายการยุโปร เมื่อลงสนามในยูฟ่า คัพ พบ อาแซด ด้วยวัยเพียง 16 ปี

"มันเป็นเรื่องแย่มากที่จะพูดออกมา แต่ถ้าเขาไม่มีอาการบาดเจ็บ เขาคงไปได้สุดทาง" สเต แคทท์ลิน อดีตโค้ชสมัยที่ยังอยู่กับทีมท้องถิ่นอย่างเบิร์คเดล ยูไนเต็ด กล่าวถึงร็อดเวลล์ เมื่อปี 2011 "ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะกลายเป็นกัปตันของเอฟเวอร์ตันในอนาคต เพราะเขามีเกมที่ดีมากๆ"

แต่ก่อนที่ร็อดเวลล์จะยืนได้อย่างมั่นคงกับเอฟเวอร์ตัน เขาก็ย้ายไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงกลางปี 2012 ซึ่งหลายคนก็มองว่ามันเร็วเกินไป และยิ่งเมื่อเจออาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า ทันทีที่ย้ายไปได้ไม่นาน ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ไปใหญ่

ในฤดูกาล 2013-14 ที่แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ร็อดเวลล์ได้ลงสนามไปเพียง 5 นัด ทำให้เขาตัดสินใจย้ายไปอยู่ซันเดอร์แลนด์ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ จากทีมระดับลุ้นแชมป์ กลายเป็นว่าเขาต้องไปเล่นในทีมหนีตกชั้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ง่ายเลยที่จะปรับตัวให้โชว์ฟอร์มเด่นออกมาได้ 

Rodwell Everton Premier League

ระหว่างปี 2013 - 2017 เขามีสถิติที่ไม่อยากจำ เมื่อลงสนามในพรีเมียร์ลีกไป 39 นัด โดยไม่ชนะเลย ตลอด 1,370 วัน จากผลงานดังกล่าว ทำให้ทีมแมวดำต้องตกชั้น และร็อดเวลล์ก็ไม่พ้นถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากอดีตนักเตะอย่าง มาร์โก แก็บเบียดินี

"เป็นความผิดพลาดที่แย่ที่สุดที่สโมสรเคยทำมาเลย" แก็บเบียดินีกล่าวทาง BBC เมื่อปี 2018

หลังจากที่ซันเดอร์แลนด์ต้องตกชั้นติดต่อกัน ร็อดเวลล์กลับหายไปโดยไม่มีการบอกกล่าว และไม่คิดจะกลับมาเล่นให้ทีมแมวดำอีก นั่นยิ่งสร้างปัญหาให้ คริส โคลแมน ผู้จัดการทีมในเวลานั้นมากขึ้นไปอีก

"ผมยังไม่รู้เลยว่าแจ็คไปอยู่ที่ไหน พูดตรงๆ นะ" โคลแมนกล่าว "ผมคิดว่าเราจะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายในเรื่องนั้น เรามีปัญหากับนักเตะที่ไม่ได้อยากเล่นให้ซันเดอร์แลนด์ และอยากจะย้ายทีม"

Jack Rodwell BlackburnGetty

หลังจากโดนปล่อยตัวจากทีมซันเดอร์แลนด์ในปี 2018 ร็อดเวลล์เซ็นสัญญากับแบล็คเบิร์น และได้โอกาสลงสนามอีกครั้งในระดับแชมเปี้ยนชิพ

ถึงแม้ กุหลาบไฟจะอยากเก็บเขาเอาไว้กับทีมต่อ แต่การเจรจาสัญญากันไม่ลงตัว ทำให้ร็อดเวลล์ต้องเคว้งอีกครั้ง เขาต้องไปทดสอบฝีเท้าในเมเจอร์ลีก กับนิวอิงแลนด์ เรโวลูชัน แต่ไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ เช่นเดียวกับโรมา ที่เข้ามาทาบทาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการเซ็นสัญญาเช่นกัน จากประวัติค้าแข้งที่อื้อฉาวและเต็มไปด้วยปัญหาของเขา

อย่างไรก็ดี ในเดือนมกราคม 2020 แจ็ค ร็อดเวลล์ ก็ได้เซ็นสัญญากับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ได้เล่นในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่พบ เอเอฟซี ไฟลด์ ก่อนจะกลับมาลงสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ด้วยการเป็นตัวสำรองในเกมเสมอเบิร์นลีย์ 1-1 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2020

ในเดือนสิงหาคม 2020 ร็อดเวลล์ได้ต่อสัญญากับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด อีก 1 ปี ทว่าไม่ได้ลงสนามแม้แต่นัดเดียวตลอดฤดูกาล 2020-21 และกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดอีกครั้งเมื่อจบฤดูกาลจนถึงปัจจุบัน

ด้วยวัย 30 ปี เขายังมีโอกาสจะได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะนักเตะคนหนึ่ง แต่ความหวังที่จะกลายเป็นนักเตะแถวหน้าในระดับตำนานดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว

โฆษณา