Mano PölkingGoal Thailand

EXCLUSIVE : "มาโน" เปิดใจ จากโค้ช0แชมป์สู่ช้างศึก/สไตล์การเล่น/สิ่งที่แฟนบอลจะได้เห็น

มาโน โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ เปิดใจผ่าน โกล ประเทศไทย เกี่ยวกับทุกแง่มุมต่างๆ มากมาย ทั้งสิ่งที่ถูกวิจารณ์ และ หลายประเด็นที่คนอยากรู้ ก่อนพา ช้างศึก ทวงแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม - 1 มกราคม 2565

เฮดโค้ชวัย 45 ปี ถูก ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม เลือกเข้ามาคุมทัพ ช้างศึก แทนที่ อากิระ นิชิโนะ ที่ถูก สมาคมฯ ปลดออกจากตำแหน่ง ภายใต้สัญญาระยะสั้น เพื่อดูผลงานว่าจะสอบผ่านหรือไม่ ในชิงแชมป์อาเซียน ช่วงปลายปีนี้ โดยมีเวลาเตรียมทีมเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ก่อนจะประเดิมพบกับ ติมอร์ เลสเต วันที่ 5 ธันวาคม 2564

- ก่อนอื่น เราอยากกล่าวแสดงความยินดีกับคุณ และ ยินดีต้อนรับกลับสู่ประเทสไทยอีกครั้ง วินาทีแรกที่คุณ ‘ผู้เลือก’ รู้สึกอย่างไรบ้าง

อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขอขอบคุณที่ให้การต้อนรับผมกลับมา วินาทีแรกที่ผมรู้ว่าผมถูกเลือก ผมรู้สึกภาคภูมิใจมาก ๆ ดีใจมาก ๆ ทุกคนรู้ดีว่าประเทศไทยเปรียบเหมือนกับบ้านหลังที่สองของผม ผมเริ่มต้นอาชีพที่นี่ในฐานะกุนซือ การได้รับเลือกให้คุมทีมชาติไทยถือเป็นคำชมที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ความรู้สึกแรกมันจึงเป็นเรื่องความสุข, ความมั่นใจและความตื่นเต้น

Mano Pölking

- อย่างที่บอก นี่เป็นงานที่ท้าทายมากๆ กับเป้าหมายที่ต้อง ‘คว้าแชมป์’ ให้ได้เท่านั้น คุณมองเรื่องนี้อย่างไร เพราะคุณมีเวลาเตรียมทีมที่จำกัดพอสมควร ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัญหาสำหรับคุณมากน้อยแค่ไหน

มันเป็นศึกครั้งสำคัญ อย่างที่เรารู้ว่าเราไม่ได้มีเวลาเตรียมทีมมากนัก แต่ก็เป็นอีกครั้งที่มันเป็นในลักษณะนี้ ทางลีกก็มีผลประโยชน์เช่นเดียวกับสโมสร พวกเขาต้องการนักเตะซึ่งผมเข้าใจเป็นอย่างดี

ผมได้พูดคุยกับทีมงานของผม กับอร์ดบริหาร เราไม่อยากที่จะบ่นหรืออะไรทำนองนั้น สิ่งต่าง ๆ มันต้องดำเนินต่อไปแบบนั้น เรามีเวลาเตรียมตัวน่าจะ 2-3 วันที่เราจะได้มีการซ้อมแบบเต็มรูปแบบ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราได้นักเตะทุกคนที่เราต้องการมาร่วมทีม และ ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าการได้นักเตะทุกคนมา ร่วมทีม เราจะมีทีมที่แข็งแกร่ง

เราจะไม่มีเวลามากพอในการเตรียมพร้อมสำหรับซูซูกิ คัพ แต่เราจะเติบโตไปด้วยกันระหว่างทัวร์นาเมนต์ เพราะมันจะมีเวลาราว ๆ 5 สัปดาห์ ถ้าเราผ่านไปถึงรอบชิงชนะเลิศ และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่เราต้องมุ่งสมาธิ ไม่ใช่คิดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว เรื่องเปลี่ยนเกมบางเกมที่มันเป็นไปไม่ได้ เราต้องเชิดหน้าขึ้น และเริ่มต่อสู้ไปด้วยกัน

และอย่างที่ผมบอกไป ช่วงเวลา 8 ปีของผมในเมืองไทย จะสามารถช่วยผมในการรู้จักนักเตะทุก ๆ คน ซึ่งบางคนเคยเป็นนักเตะของผมที่ ทรู แบ็งค็อก ยูไนเต็ด หรือก่อนหน้านั้นอย่าง อาร์มี่ ยูไนเต็ด และ สุพรรณบุรี เอฟซี

- ตั้งแต่ที่คุณได้รับการแต่งตั้งคุม ทีมชาติไทย หนึ่งในประเด็นที่คนพูดถึงกันมากที่สุดคือ คุณไม่เคยคว้าแชมป์ใดๆ เลยตลอด 8 ปีที่ทำงานที่นี่ คุณมองเรื่องนี้อย่างไร และ อยากบอกอะไรกับกลุ่มคนเหล่านั้น

เรื่องเสียงวิจารณ์ ผมเข้าใจเรื่องนั้นนะ ผมให้ความเคารพและผมรู้สิ่งที่แฟนบอลต้องการ บางคนอาจไม่พอใจตอนที่ผมได้รับการแต่งตั้ง และ เรื่องที่คุณถามว่าผมไม่เคยคว้าแชมป์ได้เลย ผมเข้าใจเรื่องนั้น ผมแค่อยากพยายามที่จะอธิบายว่าผมเป็นคนแรกที่ผลักดันตัวเองเพื่อชัยชนะ เพราะในท้ายที่สุดเราจะถูกตัดสินด้วยเรื่องแชมป์ที่เราชนะในอาชีพการทำงาน

แต่สิ่งที่ผมบอกคุณได้คือผมรักงานนี้ ผมเป็นคนทำงานหนัก และใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อทำให้ตัวเองดีขึ้นไปเรื่อย ๆ เพื่อคว้าแชมป์กับแบ็งค็อก ยูไนเต็ด ในช่วง 2-3 ปีหลัง ผมเห็นด้วยกับคุณ มันเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนมาก

แต่อย่าลืมว่าตอนที่ผมเข้ามาคุมทีม ทรู แบ็งค็อก ยูไนเต็ด ทีมกำลังดิ้นรนหนีการตกชั้น และผมภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่นำพาทีมไปอยู่ในจุดที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ และเรื่องนั้นสำหรับผมแล้วมันเป็นชัยชนะอย่างหนึ่ง คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม

แต่ผมก็เข้าใจว่าแฟนบอลอาจคิดว่ามันเป็นปัญหา สิ่งเดียวที่ผมทุ่มสมาธิให้คือการที่ผมเป็นเฮดโค้ช เป็นคนตัดสินใจ มีคนเลือกโอกาสนั้นให้กับผม และผมยินดีรับมันมาด้วยความพยายามที่จะทำให้ดีที่สุด บางทีหลัง 2-3 สัปดาห์ เราอาจผ่านเข้าถึงรอบชิงฯ สู้เพื่อคว้าแชมป์มาครอง มันคงจะเป็นงานที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ

เพราะจะไม่มีใครมาบอกว่าผมไม่เคยคว้าแชมป์ได้อีก คุณเข้าใจนะ เพราะฉะนั้นผมมีความสุข ผมคิดว่าเรามีโอกาสที่ดี เรามีนักเตะที่ดี เรามีประวัติที่ดีในรายการนี้

Mano Pölking

- แฟนๆ ที่นี่รู้อยู่แล้วว่า ฟุตบอลของ มาโน โพลกิ้ง ขึ้นชื่อเรื่องเกมรุก ทำให้หลายคนกังวลเรื่องเกมรับพอสมควร ซึ่งเป็นปัญหาของทีมชาติไทยมาโดยตลอด คุณคิดว่าจะพัฒนาจุดนี้อย่างไร และ จะเปลี่ยนสไตล์การเล่นหรือไม่

โอเค เรื่องสไตล์การเล่น ทุกคนรู้ดีกว่าผมเป็นคนชอบให้ทีมครองบอล ผมชอบสร้างเกมขึ้นมาจากแผงหลัง ผมชอบเกมรุก ผมชอบให้ทีมลองเสี่ยง และผมรู้ดีกว่าในทุก ๆ ความเสี่ยงมันเกี่ยวข้องกับการสร้างปัญหาให้กับเกมรับด้วยเช่นกัน

มันไม่เชิงใช่ปัญหา มันคือผลที่ตามมาของการลองเสี่ยง และผมทำงานหนักในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ในการเป็นโค้ชที่ดีขึ้น ในการเปลี่ยนทรานซิชั่น (เปลี่ยนรับเป็นรุก) มันไม่ใช่ปัญหาเวลาที่ต้องเล่นเกมรับยามที่เราไม่มีบอล ปัญหาคือด้วยความคิดที่จะเล่มสไตล์เกมรุก มันเกิดปัญหาตอนที่เราเสียการครองบอล นั่นคือสาเหตุที่เราต้องแก้ไขเรื่องนี้

ผมไม่ได้วางแผนที่จะเปลี่ยนสไตลล์การเล่นของผม เพราะผมเชื่อว่าสไตล์การเล่นแบบนี้จะช่วยให้ทีมชาติไทยบรรลุเป้าหมายของเราได้ เพราะผมเชื่อว่าเรามีนักเตะดี ๆ มากมายที่จะเล่นในสไตล์แบบนี้ได้

- แล้วอะไรคือสิ่งใหม่ๆ ที่แฟนๆ จะได้เห็นในยุคของคุณ

แน่นอนว่าพวกเขาจะได้เห็นแพสชั่น พวกเขารู้จักผมดี ผมอยู่ที่นี่มา 8 ปีแล้ว ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับที่นี่ ไม่ใช่โค้ชต่างประเทศที่เพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว อย่างที่ผมบอก ผมรู้สึกเหมือนที่นี่คือบ้าน และผมจะได้เห็นแพสชั่นและการทำงานหนัก การตัดสินใจ ที่ผมหวังว่าในท้ายที่สุดเราทุกคนจะมีความสุข

ผมหวังที่จะแสดงให้คนที่ไม่พอใจตอนที่ผมได้รับการแต่งตั้งได้เห็นด้วยความทุ่มเทและทำงานหนักว่าเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายของเรา เพื่อทีมชาติไทย, เพื่อประเทศไทย, เพื่อตัวผมเอง, เพื่อบอร์ดบริหารที่เชื่อมั่นในตัวผม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อนักเตะ เพราะพวกเขาคือตัวละครหลัก พวกเขาคือคนที่ต้องทำประตู คือคนที่ต้องป้องกันประตู ซึ่งผมเป็นแค่คนที่ชี้แนะพวกเขาถึงวิธีการที่ดีกว่าในการทำแบบนั้น

Mano Pölking

- คุณมองการทำงานร่วมกับสองผู้ช่วยอย่าง จเด็จ มีลาภ และ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน อย่างไร โดยเฉพาะกับ หนึ่งฤทัย ที่เป็นโค้ชหญิงคนแรก ที่มีส่วนร่วมกับ ทีมชาติไทยชุดใหญ่

หน้าที่ของ จเด็จ และ หนึ่งฤทัย สำคัญมาก เพราะว่าอย่างที่เรารู้ หนึ่ง คือคนที่พาทีมฟุตบอลหญิง ทีมชาติไทย ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ และเราควรยินดีที่ได้ตัวเธอมาช่วยงานผม

ผมรู้จักพวกเขาสองคนเป็นอย่างดี เพราะพวกเขาอบรมโปรไลเซนส์มาด้วยกัน ซึ่ง จเด็จ เขาเป็นคู่หูของผมตอนอบรมโปร ไลเซนส์ เขานั่งข้างผมเลย เราผ่านการคุมทีมเจอกันมามากมาย ผมชื่นชอบแนวทางและสไตล์การเล่นของเขา เขาเป็นคนที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รักของนักเตะ

และผมก็เชื่อว่า หนึ่ง ด้วยกลยุทธ์และความสามารถของเธอตอนอบรมโปรไลเซนส์ จะช่วยให้เราสามคนสามารถแลกเปลี่ยนความคิด ความเห็น และเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเลือกทีมที่สามารถลงไปคว้าชัยชนะและผ่านเข้าสู่รอบชิงฯได้

- แผนงานเบื้องต้นในตอนนี้

ผมอยู่ประเทศไทยแล้ว เพิ่งพ้นช่วงกักตัวเมื่อวันเสาร์ และก็เดินทางไปชมเกม บีจี พบ บุรีรัมย์ และวันอาทิตย์ในคู่ เมืองทอง พบ สุพรรณ และผมดีใจที่เรามีเกมกลางสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ผมสามารถไปดูเกมต่อเนื่องได้

เราต้องการได้ตัวผู้เล่นจากต่างประเทศมาร่วมทีม ต้องการมีนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เราต้องคุยกับต้นสังกัดของพวกเขาก่อน ตอนนี้คุณแป้ง (นวลพรรณ ล่ำซำ) กำลังช่วยเราพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ รายชื่อสุดท้ายจะประกาศในวันที่ 24 พฤศจิกายน

Mano Pölking

- สุดท้าย เราคงไม่รบกวนเวลาคุณมากแล้ว เราอยากให้คุณฝากอะไรถึงแฟนบอลชาวไทย ที่รอติดตามหน่อย

สิ่งที่ผมอยากบอกแฟนบอลชาวไทยคือ มันไม่ใช่เรื่องของตัวผม เรื่องของมาโน หรืออะไรก็ตาม ตอนนี้มีเพียงแค่ทีมชาติไทยเท่านั้น

ผมรู้ว่าแฟน ๆ รักการดูฟุตบอลมาก พวกเขาตามเชียร์ทีมชาติอย่างภาคภูมิใจ มันไม่มีอะไรสวยงามที่สุดในโลกฟุตบอลไปกว่าการที่ทีมหรือประเทศของคุณคว้าชัยชนะ มันมีความกดดันเสมอกับสโมสร แต่กับทีมชาติมันเป็นอะไรที่พิเศษเสมอ ผมรู้เรื่องนั้นดี

เพราะผมเองก็เคยเป็นทีมงานของ วินฟรีด เชเฟอร์ เขาเป็นคนที่สอนสิ่งต่าง ๆ ให้กับผมมากมายเหลือเกิน ผมเคยได้เห็นสนามราชมังฯเต็มความจุ พร้อมธงชาติไทยผืนใหญ่ พร้อมเสียงเชียร์ ซึ่งผมรู้ดีว่ามันรู้สึกดีขนาดไหน

ผมแค่หวังว่าจากนี้ไป เราจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แฟนบอล, นักเตะ, สตาฟฟ์, บอร์ดบริหาร และเราจะคว้าแชมป์กลับมาอยู่ในที่  ๆ มันควรอยู่อีกครั้ง และผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่าเรามีโอกาสดีในทัวร์นาเมนต์นี้

สำหรับ ทีมชาติไทย จะเดินทางไปแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยอยู่ในกลุ่มเอ ร่วมกับ เมียนมา ,​ ฟิลิปปินส์ , สิงคโปร์ และ ติมอร์ เลสเต ซึ่งจะประเดิมพบกับ ติมอร์ เลสเต วันที่ 5 ธันวาคมนี้ เวลา 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

โฆษณา